โปรแกรมสามัญประจำเครื่องของผมอีกโปรแกรมหนึ่งก็คือ DU Meter เอาไว้วัดความเร็วหรือปริมาณข้อมูลที่เราใช้ในระบบเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต โปรแกรมเล็กๆ แต่มีประโยชน์แบบนี้ ผมก็อยากจะจ่ายเงินให้เขาบ้างแหละแต่ติดที่ว่าราคามันตั้ง 29.95USD หรือราวๆ 1,000 บาท เมื่อก่อนตอนเป็น Version5 ผมยังสามารถหา แครก มาได้แต่พออัพเป็น Version6 ผมตั้งใจจะซื้อใช้งานจริงๆ จังๆ สนับสนุนคนพัฒนาบ้างน่าจะดีกว่า

DU Meter เราสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี 30 วัน แต่ระหว่างนั้นมันก็จะขึ้นเตือนแบบนี้บ่อยๆ

จะว่าไปมันก็น่ารำคาญพอสมควร จะปิดก็ไม่ได้ ต้องรอให้นับถอยหลังให้ครบก่อน ราวๆ 10 วินาที ถึงจะปิดได้ หลังจากที่ใช้วิธีแครกโปรแกรมมานาน ก็กะว่าจะสนับสนุนเจ้าของโปรแกรมบ้างละ ไปเช็คในเว็บ ก็มีราคาพิเศษโดยลดราคาให้ 8USD ก็จะเหลือราวๆ 800 กว่าบาท แต่อย่างที่ผมบอก ผมว่ามันแพงไปนิด ถ้าสัก 500 ผมกดซื้อโดยไม่ลังเลละ

หลังจากตัดสินใจอยู่หลายวัน ก็ได้ข้อยุติว่า เอาโปรแกรมออกดีกว่า เพราะหลังๆ มันขึ้นเตือนบ่อยเหลือเกิน ยิ่งใกล้จะหมดเวลา 30 วัน ยิ่งขึ้นถี่มากๆ พอกด Uninstall โปรแกรม DU Meter ปุ๊บ ก็มีกล่องขึ้นมาตามรูป

ข้อความที่ผมสนใจขึ้นมาคือ Name your price แปลเป็นไทยง่ายๆ เลยคือ ให้คุณเสนอราคามา (ถ้าเรารับได้เราจะสนองให้) ลองดูสักหน่อย ไม่น่าจะเสียหายเนอะ

ในเมื่อเขาให้เราเสนอราคาไป ผมก็จัดไปที่ 4.99USD หรือราวๆ 150 บาท เผื่อฟลุ๊กได้ ก็มีเฮแน่นอน แต่ใจจริงถ้าสัก 10USD ผมก็โอเคแล้วนะ

แต่กลับมีข้อความแปลได้คร่าวๆ ว่า โปรแกรมเมอร์ ไม่ได้อิ่มทิพนะ เห็นใจเราหน่อยเหอะ ต้องกินข้าว กินน้ำเหมือนคุณนั้นแหละ เรารับราคาที่คุณเสนอมาไม่ได้หรอก แต่เราเสนอให้คุณใหม่ที่ 8.99USD (ประมาณ 270 บาท) สำหรับเครื่องเดียว หรือ 17.97USD (ประมาณ 540 บาท) สำหรับ 5 เครื่องใช้ในบ้านหลังเดียวกัน (แสดงว่าแชร์กับเพื่อนไม่ได้) ผมลองถามน้องแชร์คนละครึ่ง แต่มันไม่เอา ก็ไม่เป็นไร ซื้อใช้คนเดียวก็ได้ คอมประจำก็มีเครื่องเดียวอยู่แล้ว PC กับ Notebook อีกสองตัวไม่ต้องลงก็ได้ PC เอาไว้เล่นเกมอย่างเดียว ส่วน Notebook ตอนนี้กองในตู้ไม่ได้เปิดใช้มาจะหกเดือนแล้วมั้ง

ก็จัดไปราคา 8.99USD

ตอนเลือกการจัดส่ง (Delivery Method) ถ้าอยากได้แผ่น CD สวยๆ เราสามารถเลือกให้ส่งแผ่นมาให้เราด้วยก็ได้ แต่ต้องเสียค่าส่งอีก 8USD ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ พอกดไปแล้วเราก็ลงรายละเอียดของเรากับการจ่ายเงิน ผมเลือกจ่ายทาง Paypal เพราะง่าย แล้วก็ไม่ต้องกรอกหมายเลขบัตรเครดิตด้วย

เสร็จ จากนั้นก็รอทางนู้นส่งเมลมาหาเรา

แต่เนื่องจากเมลที่ผมใช้สมัครกับเมลของ Paypal เป็นคนละอันกัน ทาง PayPro เลยให้เรายืนยันทางโทรศัพท์เพิ่มเติม ซึ่งทางนู้นจะโทรมาหาเราเอง ก็ต้องคุยกับเขานิดหน่อย เป็นภาษาอังกฤษนะ

จริงๆ แล้วคุยกันไม่ยากหรอก ถ้าหากเขาพูดเร็วเราฟังไม่รู้เรื่อง ก็บอกให้เขาพูดช้าลงหน่อย ประมาณ Please speak slowly แล้วเขาก็จะถามเราว่า เราได้ทำการซื้อ DU Meter ใช่ไหม (เขาออกเสียงว่า ดู มิเทอร์ งะ) จากนั้นจะให้เราสะกดอีเมลของ Paypal ให้เขา ก็สะกดไปทีละตัว ช้าๆ ไม่ต้องรีบ ถ้าถูกต้องเขาก็จะส่งรหัสมาให้ทางอีเมลเลย

ผมลองถามเขาไปว่า ทำไมต้องโทรมาด้วย เขาบอกว่า เพราะเมลที่สั่งกับเมลของ Paypal ไม่ตรงกัน ต้องโทรมาเช็ค ส่วนถ้าเป็นบัตรเครดิต เขาจะโทรมาถามหมายเลขบัตรที่ซื้อ เพราะฉะนั้นยังไงเขาก็จะโทรมาถามอยู่ดี ยกเว้นว่า เมลที่ซื้อกับ Paypal ตรงกัน เขาอาจจะไม่โทรมาถาม

ตรงนี้อาจเป็นอุปสรรค์ใหญ่เลย แต่เอาเหอะ แค่บอกให้เขาพูดช้าๆ แล้วพยายามฟังนิดหน่อยก็พอแล้ว ทางนู้นเขาก็พยายามพูดให้เราเข้าใจง่ายๆ เหมือนกัน

เรียบร้อย ได้รหัสสำหรับลงทะเบียนมาแล้ว แค่นี้ก็สามารถใช้งานโปรแกรมได้ตลอดไปแล้ว

ผมว่า model นี้ก็ดีเหมือนกันนะถ้าคนใช้งานจะลบโปรแกรมออก ก็ลองถามก่อนว่าราคาที่เราตั้งไว้มันสูงเกินไปหรือเปล่า หรือเขารับได้ที่ราคาเท่าไหร่ บางทีอาจเจอจุดที่ทั้งสองฝ่ายลงตัวกัน อย่างผมกะไว้ว่าสัก 9.99USD ผมก็ซื้อแล้ว แต่ลองใส่ 4.99USD ไปเผื่อฟลุ๊ก แต่ทางนู้นกลับเสนอมาที่ 8.99 ซึ่งก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ ก็เลยจัดไปซะเลย

“ใช้โปรแกรมแท้แล้ว ลอยได้หรือเปล่า?” ผมเคยโดนเพื่อนถามคำถามนี้เหมือนกัน ผมบอกเลยว่ามันไม่ลอยหรอก แถมยังทำงานได้เหมือนโปรแกรมที่แครกทุกอย่าง แต่ที่ไม่ต้องทำอีกเลยคือ หาแครก เวลาตัวเดิมใช้งานไม่ได้ แถมโปรแกรมของเรายังได้อัพเดทตลอดเวลาอีกด้วย ผมเคยมีประสบการณ์กับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน (คนที่พูดประโยคข้างบนนั่นแหละ) งานจะต้องส่งในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ต้องไล่เก็บ BUG กันนิดหน่อย ผมก็ทำส่วนของผมไปเรื่อยๆ แต่เพื่อนมันมาบอกว่า Adobe มันเปิดไม่ขึ้น ขอเวลาหาแครกก่อน แล้วมันก็ง่วนกับการหาแครก ลองแล้ว ลองอีก ก็ยังไม่ได้ จนสุดท้ายเจอไวรัสทำ Windows พังเลย ได้มาลง Windows ใหม่กันหมด งานก็ไม่ได้ทำ แถมผมยังต้องทำส่วนของมันอีก

ส่วนอีกเรื่องคือ ภาษาอังกฤษ อีกสองปีเราก็จะเป็น AEC กันแล้ว ประเทศรอบข้างเราเขาฟังภาษาไทยกันรู้เรื่องนะ ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ส่วนไทยละ จะสือสารกับเขายังไง แล้วที่สำคัญคนประเทศเหล่านั้นนอกจากภาษาไทยแล้วเขายังสามารถสือสารภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศษ (ลาว) ได้อีกด้วย ลองคิดดูละกันว่าภาษาไทยในโลกนี้มีประเทศไหนใช้กันบ้าง ส่วนภาษาอังกฤษล่ะ มีกี่ประเทศที่ใช้กัน

เวลาสื่อสารกับฝรั่ง ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเราจะพูดผิดหรือพูดถูก จะตรงตามไวยกรไหม เพราะฝรั่งส่วนใหญ่เวลาพูดเขายังไม่สนใจไวยกรเลย เอาแค่ verb ให้ถูกกาล (tense) ก็พอ หรือถ้าเราไม่รู้ว่า Past Simple หรือ Past Participle ของคำนั้นๆ คืออะไร ก็ให้ใส่เวลาลงไป แค่นี้เขาก็เข้าใจแล้ว

ฝรั่งที่เคยคุยกับผมเขาบอกว่า “ขอให้พูดออกไปเหอะ ผิดถูกช่างมัน ยังไงเขาก็เข้าใจ ดีกว่ายืนยิ้มๆ อย่างเดียว” เขาบอกว่า “สยามเมืองยิ้ม เพราะคนไทยสื่อสารกับฝรั่งไม่ได้มากกว่า เลยยิ้มอย่างเดียว”

นอนดีกว่า